แบล็คแจ็ค (Blackjack)

แบล็คแจ็คออนไลน์ Savan Vegas

แบล็คแจ็คออนไลน์ (Blackjack) ผู้เล่นจะต้องจั่วไพ่จนกว่าแต้มไพ่จะรวมกันใกล้เคียง 21 มากที่สุด ทั้งนี้ เกมไพ่แบล็คแจ็ค Savan Vegas เป็นหนึ่งในเกมที่น่าสนใจ สามารถพบได้ในทุกคาสิโนออนไลน์ ในการเล่นเจ้ามือจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเดินเกมทุกด้าน ตั้งแต่การสับไพ่ แจกไพ่ อีกทั้งผู้เล่นยังมีโอกาสเป็นเจ้ามือได้ทุกคน ทำให้ผู้เล่นสามารถชนะได้หลายรูปแบบ เกมไพ่แบล็คแจ็ค จึงได้รับความนิยมอย่างมากในสะหวันเวกัส คาสิโนลาวออนไลน์

ประวัติไพ่แบล็คแจ็ค

ต้นกำเนิดแบล็คแจ็ค มาจากฝรั่งเศส ประมาณ 1700 ปีก่อน ไพ่ฝรั่งเศสจะเรียกว่า Vingt-et-Un ซึ่งแปลว่า ยี่สิบเอ็ด เกมไพ่แบล็คแจ็คนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15
เกมไพ่แบล็คแจ็ดได้ขยายวงกว้างไปทั่วอเมริกาเหนือ ในศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนได้พัฒนาเป็นเกมที่เข้าไปอยู่ในห้องพนันที่ถูกกฎหมาย ในปี พ.ศ. 2363 ที่นิวออร์ลีนส์ ในสมัยนั้นเกมไพ่แบล็คแจ็คมีกฎกติกาการเล่นที่แตกต่างจากปัจจุบัน
ในศตวรรษที่ 20 เกมการ์ด 21 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น แบล็คแจ็ค และได้รับการเสนออัตราการจ่ายโบนัสเพิ่ม

กติกา วิธีเล่นเกมไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์

ในการเล่นไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์ ใช้ไพ่ 52 ใบ 4 – 8 สำรับ และแต้มไพ่ 2 – 10 จะมีค่าเท่ากับแต้มบนหน้าไพ่ K, Q, J จะมีค่าเท่ากับ 10 และ Ace มีค่าเท่ากับ 1 หรือ 11 แล้วแต่สถานการณ์ และเป้าหมายของผู้เล่นคือการจั่วไพ่ให้มีแต้มรวมใกล้เคียง 21 มากที่สุด

โต๊ะแบล็คแจ็ค ออนไลน์ blackjack table savanvegas
แบล็คแจ็คออนไลน์ จะเล่นบนโต๊ะรูปร่างครึ่งวงกลม ในครึ่งวงกลมจะมีช่องวงกลมและสี่เหลี่ยมสำหรับผู้เล่นแต่ละคน เมื่อผู้เล่นเข้าร่วมโต๊ะแบล็คแจ็คนั้น ๆ ให้ผู้เล่นทำการวางเดิมพันในวงกลม (Bet)
ผลรวมแต้มไพ่ในแบล็คแจ็ค ที่ดีที่สุดในเกมไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์คือ ไพ่ 2 ใบมีแต้มรวมเป็น 21 หรือที่เรียกว่า แบล็คแจ็ค
เริ่มเกม เมื่อวางเดิมพันลงบนโต๊ะแบล็คแจ๊คออนไลน์แล้ว จากนั้นผู้เล่นและเจ้ามือจะได้รับไพ่คนละ 2 ใบ และเปิดไพ่หงายหน้าอีก 2 ใบ
เมื่อแจกไพ่แล้ว ผู้เล่นจะเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะเล่นเกมอย่างไร หลังจากผู้เล่นเล่นเสร็จแล้ว เจ้ามือจะทำการเล่นตามกฎที่ตั้งไว้

สูตรนับไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์ วิธีจั่วไพ่แบล็คแจ็ค

– ถ้าแต้มไพ่ในมืออยู่ที่ 17 – 20 ให้เลือกอยู่ ไม่ต้องเรียกไพ่เพิ่ม
– ถ้าแต้มไพ่ในมืออยู่ที่ 16 ให้อยู่ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่ในมือเป็น 2 – 6 ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่เป็น 7 – 8 และให้เลือกหมอบ ถ้าแต้มไพ่เจ้ามือเป็น 9 – 10 และ A
– ถ้าแต้มไพ่ในมืออยู่ที่ 15 ให้อยู่ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่ในมือเป็น 2 – 6 ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่เป็น 7 – 9 และ A และให้เลือกหมอบ ถ้าแต้มไพ่เจ้ามือเป็น 10
– ถ้าแต้มไพ่ในมืออยู่ที่ 13 – 14 ให้อยู่ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่ในมือเป็น 2 – 6 ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่เป็น 7 – 10 และ A
– ถ้าแต้มไพ่ในมืออยู่ที่ 12 ให้อยู่ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่ในมือเป็น 4 – 6 ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่มากกว่า 6
– ถ้าแต้มไพ่ในมืออยู่ที่ 11 ดับเบิ้ล ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่ในมือเป็น 2 – 10 ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่เป็น A
– ถ้าแต้มไพ่ในมืออยู่ที่ 10 ให้เรียกไพ่เพิ่มแบบดับเบิ้ล ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่ในมือเป็น 2 – 9 ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่เป็น 11 – 20
– ถ้าแต้มไพ่ในมืออยู่ที่ 9 ให้เรียกไพ่เพิ่มแบบดับเบิ้ล 1 ใบ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่ในมือเป็น 3 – 6 ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ ถ้าเจ้ามือมีแต้มไพ่เป็น 7 – 20
– ถ้าแต้มไพ่ในมือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 8 ให้เรียกไพ่เพิ่มทุกครั้ง